Sunday, 19 May 2024
นอร์ทไทม์

ออกแคมเปญไล่นักท่องเที่ยว

ในขณะที่หลายประเทศในโลก พยายามอัดแคมเปญส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในบ้านเยอะๆ เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ แต่ก็มีบางประเทศที่ทำตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดออกแคมเปญไล่นักท่องเที่ยว โดยเจาะจงไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดล่าง ที่เข้ามารบกวน ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของเมือง

 

อย่างกรุงอันสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ตอนนี้มีแคมเปญใหม่ล่าสุด ที่ขึ้นป้ายบิลบอร์ด ไล่นักท่องเที่ยวกันซึ่งๆหน้าว่า "หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวแบบหัวราน้ำ ที่อัมสเตอร์ดัมอยู่หล่ะก็ ขอให้คิดใหม่ เพราะเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์แห่งนี้ไม่ต้อนรับพวกคุณ"

 

นอกจากนี้ยังมีการทำคลิปโฆษณา จำลองเหตุการณ์ตำรวจจับนักท่องเที่ยววัยรุ่นที่เมา โวยวายตามสถานบันเทิงยามค่ำคืน ชาวต่างชาติที่เสพยาเกินขนาดจนต้องหามส่งโรงพยาบาล หรือนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาโรงแรมถูก ๆ ในอัมสเตอร์ดัมเพื่อมาหาเพื่อนสายปาร์ตี้เอาดาบหน้าที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมขึ้นคำเตือนว่า "อยากมาลองเมาเละที่อัมสเตอร์ดัม = โทษปรับ 140 ยูโร + ติดประวัติอาชญากรรม?"

 

นาย โซฟอัน มบาร์กี รองผู้ว่าการกรุงอัมสเตอร์ดัม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแคมเปญ "Stay Away - ไปให้ห่างจากอัมสเตอร์ดัม" ว่า จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าชาวกรุงอัมสเตอร์ดัม ไม่อยากได้นักท่องเที่ยว เพียงแต่เราไม่ต้องการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไร้คุณภาพ มีเป้าหมายเพียงเพื่อมาหาที่เมา ที่เสพ และอาละวาด เสียงดังจนชาวบ้านเดือดร้อน เรายอมจำกัดการเติบโตด้านการท่องเที่ยวดีกว่า เพื่อแลกกับบรรยากาศเมืองที่น่าอยู่

 

สิ่งที่น่าแปลก แต่จริง ก็คือ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทำให้ทางการอัมสเตอร์ดัมต้องหาทำแคมเปญไล่นักท่องเที่ยวในครั้งนี้ คือกลุ่มนักท่องเที่ยวชายชาวอังกฤษ อายุตั้งแต่ 18-35 ปี ที่หลายครั้งพบว่ามา สร้างปัญหาเมื่อข้ามฝั่งมาเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์

 

และกรุงอัมสเตอร์ดัม เองก็มีชื่อเสียงโด่งดังในทางลบว่าเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาแสวงหาความสำราญ เนื่องจากมีซ่องโสเภณีที่ถูกกฏหมาย กัญชาเสรี ที่สามารถหาเสพได้ง่ายตามร้านคาเฟ่กัญชาที่มีอยู่ทั่วไปในเมือง แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวที่กลุ่มนี้มากๆเข้า ก็สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชาวเมือง และทำให้บรรยากาศของเมืองเสียไป

 

ทางการอัมสเตอร์ดัมจึงวางแผนที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ของเมืองใหม่ทั้งหมด โดยออกกฏ ข้อห้ามในการสูบบุหรี่ ยาสูบตามท้องถนน ลดการจัดปาร์ตี้คนโสด หรือกิจกรรมตระเวณผับแบบหัวราน้ำ อีกทั้งยังวางแผนที่จะย้ายซ่องโสเภณี และ ธุรกิจทางเพศกว่า 100 แห่งไปอยู่ชานเมืองในเร็วๆนี้

 

กรุงอัมสเตอร์ดัม เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 20 ล้านคนต่อปี แต่ทางการยอมที่จะปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวลง หลังจากที่มีการปรับปรุงภาพลักษณ์ โดยขอเน้นเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชั้นดีเพียงแค่ 10 ล้านคนต่อปีก็พอ แต่มีความยั่งยืนในธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมแบบระยะยาวจะดีกว่านั่นเอง

 

อ้างอิง

 

Euro News

 

ร้านป้ายหาเสียงเริ่มกลับมาคึกคัก

วันที่ 5 เม.ย. 2566 ร้านป้ายหาเสียงเริ่มกลับมาคึกคัก หลังเงียบเหงามานาน โดยบรรยากาศที่ร้านป้ายแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากมีการเปิดรับสมัคร และได้เบอร์ผู้สมัครกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครก็ต่างพากันเช็คร้านเพื่อทำป้ายหาเสียง

เจ้าของร้านกล่าวว่า ช่วงนี้ ร้านเริ่มกลับมาคึกคัก ออเดอร์มีเข้ามามากกว่าช่วงเลือกตั้งครั้งก่อน ซึ่งเมื่อวานมีประมาณ 300 ป้าย และช่วงบ่ายอีกประมาณ 400 ป้าย โดยทางร้านจัดทำแบบครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบ ปริ้น ติดโครงไม้ พร้อมติดตั้งให้สำเร็จ

ที่มา : ThaiPBS

"กรุงไทย" ผนึก "ปตท"

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย. 66) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท PTT International Trading Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ (PTTT ถือหุ้น 100% โดย ปตท.) ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Credit Linked Derivatives ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย ที่ธนาคารได้ออกแบบและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของ ปตท. รวมถึงเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งสองบริษัท

 

นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างองค์กรในประเทศ โดย PTTT ประเทศสิงคโปร์ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานให้เพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้ ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ของ ปตท.

 

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของ United Nations Development Programme (UNDP) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้บริโภค และธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยล่าสุดธนาคารลงนามบันทึกข้อตกลงกับ ปตท. และ บริษัท PTTT ประเทศสิงคโปร์ ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Derivatives) ที่เชื่อมโยงกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Linked Derivatives) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาและการเป็นผู้นำตลาด ESG Financial Solution ของธนาคาร ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

 

“ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านตลาดทุน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคใหม่ที่มีความผันผวน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสริมศักยภาพธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”

 

นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่มีความผันผวนอันเนื่องมาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อและนโยบายการบริหารจัดการดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ ปตท. มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนทางการเงินด้วยวิธี Natural Hedge รวมทั้ง มีการใช้เครื่องมือการบริหารความเสี่ยงเมื่อมีจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสม โดยธุรกรรมนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของตลาดทุนเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการทางการเงินให้กับองค์กรตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลกยุคปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้ทั้ง 3 องค์กรมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

 

“การลงนามบันทึกข้อตกลง Carbon Credit Linked Derivatives ระหว่างธนาคารกรุงไทย ปตท. และ PTTT ในครั้งนี้ จะมีส่วนสนับสนุนกลยุทธ์ “ปรับ เปลี่ยน ปลูก” ของ ปตท. ที่ตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2040 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ ด้วยการทำงานเชิงรุก ปรับกระบวนการผลิต ค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมและสร้าง EV Ecosystem ในประเทศ รวมทั้งธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ตลอดจนเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็น ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือของบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2030 อีกด้วย”

 

นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า PTT International Trading Pte Ltd (PTTT) ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. เป็นผู้นำในการพัฒนาและมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจการค้าคาร์บอนเครดิต ทั้งในรูปแบบ Over The Counter และตลาด Exchange ทำให้สามารถเข้าถึงและขยายขอบเขตการค้าคาร์บอนเครดิตได้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากล สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เชื่อมโยงในธุรกรรมครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบในการพัฒนาตลาดสัญญาซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เชื่อมโยงกับอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินหรือผลิตภัณฑ์ทางการค้าอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นและพร้อมเป็นกำลังสำคัญร่วมกับองค์กรต่างๆ ในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับประเทศต่อไป

ชัยวุฒิ ลุยตรวจ

วันนี้ (5 เม.ย. 66) ณ อุทยานแห่งชาติแม่วาง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า วันนี้ผมอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแม่วาง ก็เป็นโครงการที่กระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้จัดงบกองทุน DE มาช่วยส่งเสริมในเรื่องการนําเทคโนโลยีโดรน มาใช้ในการตรวจพื้นที่อุทยานตรวจได้หลายแบบ ตรวจด้วยสภาพพื้นที่ ตรวจเขต นานาเขต ทําแผนที่

 

และที่สําคัญชุดนี้ก็เป็นการตรวจไฟป่า ตรวจจุดความร้อน เมื่อพบว่ามีจุดความร้อน กล้องเราส่องเห็นจุดความร้อน เราก็จะแจ้งไปที่อุทยาน เจ้าหน้าที่ก็จะส่งหน่วยที่ดับไฟป่าเข้าไป รีบดับไฟป่าก่อนที่จะลุกลามซึ่งเท่าที่ทราบรายงานอุทยานแม่วางก็สามารถควบคุมไฟป่าได้ดีมากกว่าปีก่อนๆในอดีตปี 62-63 ที่ที่มีมากก็ถึงร้อย 30 กว่าจุด ตอนนี้ปีนี้จะเกิดขึ้นเพียง 75 จุดก็สามารถควบคุมได้ดีขึ้นแล้วที่สําคัญเวลามีโดรนไปตรวจ ประชาชนชาวบ้านที่เข้ามาลักลอบ เผาป่าหรือว่ามาทําปัญหาในอุทยาน ก็จะไม่กล้าเข้ามา เพราะมีโดรนบินตรวจอยู่ ก็จะเกิดสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ป้องกันรักษาป่าได้ดีขึ้น

 

สำคัญเลยก็คือต้องจัดงบประมาณให้กับ กรมอุทยานรวมถึงกรมป่าไม้ด้วยที่เขาดูแลพื้นที่ป่า ก็ต้องมีงบประมาณในการดูแลเรื่องการดับไฟป่า และสองคือนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เรื่องโดรนการบินตรวจป่า ตรวจจุดความร้อน คนไม่ให้เขามาลักลอบทําลายป่าหรือเผาป่า อันนี้เป็นเรื่องสําคัญ ถ้ามีการบินตรวจด้วยโดรน ทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อว่าปัญหาไฟป่าในประเทศไทยเราก็จะลดลงได้อย่างชัดเจนแน่นอน พิสูจน์ได้ที่แม่วางก็ลดลงไปเกือบครึ่งแล้ว ถ้าเราทําได้ทั้งประเทศก็คงเป็นเรื่องของงบประมาณ ซึ่งทางรัฐบาลก็คงจะต้องเข้าไปดูแล ทําโครงการแล้วก็ของบประมาณเรื่องโดรน เรื่องเทคโนโลยีการตรวจป่าให้ดีขึ้น ให้มีงบประมาณ ครอบคลุมทุกพื้นที่ให้ได้

 

พี่น้องประชาชนอยากให้เข้าใจ ว่าปัญหาเรื่องฝุ่นควันมันเกิดจากไฟไหม้ป่า ซึ่งในป่ามันมีทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านด้วยซึ่งก็มีการเผาโดยพี่น้องประชาชน รวมถึงพื้นที่การเกษตรด้วยก็มีการการเผาเพื่อทำการเกษตรกันนะแต่ปลูกข้าวโพดก็ต้องเผาก่อนที่จะปลูกใหม่ ซึ่งอันนี้ก็เป็นปัญหาที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันรัฐบาลจะไปบังคับประชาชน ก็ทำได้มีกฎหมายแต่ว่าก็คงบังคับไม่ได้ทั้งหมด ก็จะมีคนบางคนก็ยังฝ่าฝืนอยู่แล้วก็สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมซึ่งอันนี้อยากให้พวกเราทุกคนช่วยกันให้ตระหนักถึงปัญหาของไฟป่าแล้วก็อย่าเผาช่วยกันอย่าเผาแล้วก็อาจจะต้องมีการดูแลเรื่องรายได้ของเขาด้วยในการส่งเสริมอาชีพให้เขาจะได้ไม่ต้องเข้ามาเผาป่ากัน

 

เห็นใจเจ้าหน้าที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมทุกคนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่อยู่กับอุทยานกับป่าไม้ซึ่งทํางานหนัก ผมทราบว่า หน่วยที่ทําหน้าที่ดับไฟป่าทํางานต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว ไม่ได้พัก งานหนักมากเพราะปีนี้มันมีปัญหาไฟป่ารุนแรง เนื่องจากฝนทิ้งช่วง อากาศแห้งมาก มีใบไม้ตกอยู่ที่พื้นเป็นเชื้อเพลิงสะสมอยู่ในป่ามาก

 

เพราะว่าสองสามปีก่อนก็ไม่ค่อยมีไฟป่า ซึ่งปีนี้เพราะว่าอากาศแห้ง ฝนตกน้อยทิ้งช่วงก็ทําให้ปัญหารุนแรงมากในปีนี้ ซึ่งทําให้เจ้าหน้าที่ทํางานหนักมากก็ขอให้กําลังใจเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าทุกคนให้ทํางานให้เต็มที่และขอเป็นกําลังใจให้

เผยไทม์ไลน์ปลดล็อคกัญชา

เริ่มจากร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่เข้าสู่รัฐสภา เป็นการประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ได้เสนอมาตอนนั้นในร่างมาตรา 29 มันไม่มีคำว่า "กัญชา" อยู่ตั้งแต่ร่างมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่กัญชาประเภท 5 เป็นยาเสพติดที่ถูกให้ความสำคัญมาตลอด ใน พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ

 

ต่อมารัฐสภาได้ทำการพิจารณาร่างประมวลกฎหมาย ยาเสพติด ซึ่งเสนอโดยรัฐบาล

ในมาตรา 29 ประเภท 5 มันไม่มีคำว่า ”กัญชา” อยู่ ซึ่งมีคำว่าพืชฝิ่น กับเห็ดขี้ควาย 2 อย่างเท่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ประเภท 5 มันมีคำว่ากัญชา ยาฝิ่น กระท่อม แล้วก็ถอดกระท่อมออกเหลือ 2 อย่าง

 

นายศุภชัย ใจสมุทร เฝ้าเกาะติด มาตรา 29 มาตลอด มีคนเสนอว่า ควรจะต้องมีคำว่ากัญชาด้วยไหม ในการประชุม นายศุภชัย ใจสมุทร เข้าร่วมประชุมด้วย บอกว่า ไม่ มันไม่มาตั้งแต่แรก นายศุภชัยเป็นรองประธาน ในเวลานั้น บอกว่าไม่ต้องมีคำว่ากัญชา นี่คือที่มาทั้งหมด

 

พฤศจิกายน 2564

 

- รัฐสภาทำการพิจารณาแล้วเสร็จ จึงมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และ มีผลบังคับใช้หลังจากนั้นอีก 30 วัน

 

8 ธันวาคม 2564

 

- จุดเริ่มต้นของการปลดล็อกกัญชา

- ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลใช้บังคับ โดยการลงมติเห็นชอบ พร้อมทั้ง ส.ส. สว. ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล

 

ดังนั้นกัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติดนับตั้งแต่วันที่ 8/12/2564 จนถึงปัจจุบัน

 

มกราคม 2565

 

- คณะกรรมการ ป.ป.ส.ได้มีการจัดประชุม คือตามกฎหมายมาตรา 29 กำหนดว่า ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบเรื่องนี้ ให้ประกาศระบุประเภทของยาเสพติดแต่ละประเภท

 

- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ส. ว่าสิ่งที่เป็นยาเสพติด คือ 1 คือ พืชฝิ่น 2 คือเห็ดขี้ควาย 3 คือสารสกัดจากกัญชา มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนาบินอล (tetrahydrocannabinol – THC) เกิน 0.2 % ที่ยังเป็นยาเสพติด

 

- พรรคภูมิใจไทย ขอให้มีการประกาศบังคับใช้ โดยมีการนับไปอีก 120 วัน ก็คือวันที่ 8 มิถุนายน 2565

 

- นายศุภชัย เสนอ จะต้องมีกฎหมายพ.ร.บ. กัญชา กัญชง มาอีกฉบับหนึ่ง

 

- ที่ประชุมมอบให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีฉบับร่างอยู่แล้ว นำฉบับร่างพ.ร.บของพรรคภูมิใจไทย ที่เกี่ยวกับการทำเรื่องกัญชาเสรีทางการแพทย์นั้นมายื่น เพื่อให้ทันภายใน 120 วัน โดย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ไปยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาเองโดยตรง

 

- นายชวน หลีกภัย ประธานสภา พิจารณาบรรจุเข้ามาเป็นร่างพระราชบัญญัติต่อไปได้ และนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติรับรองให้ทันทีทันใด

 

9 มิถุนายน 2565

 

- วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา 25 คน และทำการพิจารณากันจนแล้วเสร็จ ผ่านไป 19 วันมีการประชุมรัฐสภาอีกครั้ง ปรากฏว่า มีการเสนอเข้าที่ประชุมแล้ว การเปิดเสรีกัญชานั้นได้ถูกตีตก จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล และพรรคประชาชาติ ไม่ยอมให้กฎหมายผ่านมติการประชุม

 

- พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่วาระที่ 2 มี ส.ส.จากพรรค ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ก้าวไกล ประชาชาติ ยืนยันจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จน ณ วันนี้สภาปิด พ.ร.บ.กัญชา ก็ค้างในสภา พรรคภูมิใจไทย เดินหน้าต่อ เพื่อจะทำกัญชาทางการแพทย์ตั้งแต่หาเสียง และเศรษฐกิจ จะไม่เอานันทนาการ พรรคภูมิใจไทย จะเอากัญชาทางการแพทย์เท่านั้น แต่โดนบิดเบือนจากพรรคการเมืองตรงข้ามพรรคภูมิใจไทย

 

10 มิถุนายน 2565

 

- อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการ “มหกรรมกัญชา 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” พร้อมแจกต้นกล้ากัญชา 1 พันต้น ณ จังหวัดบุรีรัมย์

 

16 มิถุนายน 2565

 

- กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ สธ. มีผลบังคับใช้วันที่ 17 มิ.ย 2565 เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 4, 44, 45(3), 45(4) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 กำหนดให้กัญชา หรือสารสกัดกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม

 

18 มิถุนายน 2565

 

- อนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แจง ประกาศ สธ. กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม มีผลตามกฎหมายแล้ว

 

การขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กว่า ๑ ปี ในช่วงแรกเน้นให้ประชาชนเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์ ที่ได้มาตรฐานจากสถานพยาบาลใกล้บ้านกว่า ๓๐๐ แห่งทั่วประเทศ

 

การผลักดันนโยบายกัญชาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยพรรคภูมิใจไทย จนกระทั่ง วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ ได้มีการเสนอร่างกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ แก้ไขเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติสถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กฎหมายปลูกกัญชาบ้านละ ๖ ต้น" เพื่อปลดล็อคกัญชาให้สามารถใช้ทางการแพทย์ได้อย่างแพร่หลาย และประชาชนสามารถปลูกได้ตาม นโยบาย ที่พรรคฯ หาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง

 

นโยบายปลดล็อกกัญชานี้ ออกมาเพื่อดึงดูดประชาชนให้สนใจ สนับสนุน และเลือกพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล และให้นายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้ทำให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านมติ นายอนุทินยังกล่าวอีกว่า กัญชามีประโยชน์ ทั้งทางด้านการแพทย์ สุขภาพของประชาชน ช่วยในการรักษาโรคมากมาย และ ยังเป็นผลดีในทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย การคืนกัญชาให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์นี้ช่วยสร้างรายได้เสริม และ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ พรรคภูมิใจไทยยังย้ำว่าถ้าไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย คนที่ปลูกหรือใช้กัญชาจะกลับไปติดคุก

 

แต่ดูเหมือนว่าเกมที่พรรคภูมิใจไทยได้คิดไว้เหมือนจะพลิก เนื่องจาก พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล และพรรคประชาชาติไม่ได้ลงมติเห็นชอบกับ พ.ร.บ กัญชาดังกล่าว พ.ร.บ จึง ถูกตีตกไป น่าจะเป็นด้วยเหตุผลทางการเมือง ที่กลัวพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนนิยมจากประชาชนมากเกินไป นี่จึงเป็นอีกทางที่พรรคการเมืองอื่นๆอาทิ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ฯลฯ ใช้เพื่อสกัด พรรคภูมิใจไทย โดยไม่ยอมรับ พ.ร.บ กัญชง กัญชา และลงมติไม่เห็นชอบ

 

ซึ่งดูขัดแย้งกับช่วงแรกที่พรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นเสนอร่างต่อรัฐสภา ส.ส. สว. ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล และ นายกรัฐมนตรี ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ยอมรับ พ.ร.บ กัญชง กัญชา และ การเปิดเสรีกัญชาให้ใช้ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยที่ไม่ถูกระบุอยู่ใน ประเภทของยาเสพติด แต่เมื่อการแสวงหาผลประโยชน์ และ การเลือกตั้ง ได้เกิดขึ้น ทุกอย่างจึงพลิกผัน เพื่อผลประโยชน์ของตนทั้งสิ้น

กลาโหมเลื่อนวันรายงานตัว

เมื่อวันที่ 6 เม.ย 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเอกสารราชการ คำสั่งกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66 ออกเผยแพร่ เรื่องการกำหนดวันรายงานตัวเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2566

 

โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 กำหนดให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 นั้น

 

เนื่องด้วยพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 34 กำหนดให้ "ทหารกองเกินที่ถูกเข้ากองประจำการผู้ใด จักต้องเริ่มเข้ารับราชการทหารกองประจำการเมื่อใด ให้นายอำเภอท้องที่ที่รับเข้าตรวจเลือกเป็นผู้กำหนด และให้นายอำเภอออกหมายนัดเพื่อให้ทหารกองเกินผู้นั้นมา ณ ที่อำเภอท้องที่ตามที่ได้กำหนดไว้นั้น เพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ถ้าทหารกองเกินผู้นั้นไม่มาตามนัดให้ถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน"

 

ดังนั้นเพื่อสนับสนุนการไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของทหารกองเกินที่จะต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2566 ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กระทรวงกลาโหมจึงขอให้กระทรวงมหาดไทย แจ้งผู้อำนวยการเขต/นายอำเภอ เพื่อประสานการปฏิบัติกับหน่วยสัสดีเขต/หน่วยสัสดีอำเภอ

 

เพื่อออกหมายนัดเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด. 40) ให้ทหารกองเกินที่ถูกกำหนดให้เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2566 มารายงานตัวและแก้ไขวันรายงานตัวของผู้ที่ได้รับหมายนัดฯ ไปแล้ว จากเดิมวันที่ 1 พ.ค. 2566 เป็นวันที่ 15 พ.ค. 2566

 

ลงนามโดย พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“นพรุจ” อดีตเสื้อแดงตัวตึง

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 11.00 น.นายนพรุจ วรชิตาวุฒิกุล อดีตคนเสื้อแดงที่เคยติดคุกร่วมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ และเป็นบุคคลเดียวกันที่ไปตะโกนด่าพรรคเพื่อไทยในวันเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ไปจัดกิจกรรมบริเวณหน้าเรือนจำคลองเปรม

 

โดยจำลองแพขนาดเล็ก และมีตัวแพะนอนอยู่บนแพที่ลอยในกาละมังเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงออกว่า พรรคเพื่อไทยปล่อยลอยแพคนเสื้อแดง

 

นายนพรุจ ได้ตะโกนขณะทำกิจกรรมว่า วันนี้ต้องการจะบอกไปถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ และรู้จักคำว่าประชาธิปไตยจริงแค่ไหน รู้ไหมคนเสื้อแดงเคยติดคุกในข้างเรือนจำคลองเปรมเพราะอะไร หลายคนติดคุกเพื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแต่สุดท้ายหลายคนลำบากไม่มีใครช่วยเหลือ หลายคนที่ติดคุกข้างใน

 

ทั้งนี้วันนี้ตนต้องมาบอกประชาชนทั้งแผ่นดินว่า เลิกเชื่อเลิกรักพรรคเพื่อไทยได้แล้ว พวกตนติดคุกฟรีไม่มีใครดูดำดูแดงไม่มีใครมาเยี่ยมไม่มีแม้แต่ข้าวแดงแกงห่อสักชุด

 

“วันนี้ผมเอาแพะมาลอยแพต้องการสื่อให้รู้ว่าพวกผมเป็นแพะที่ถูกลอยแพ ถูกปล่อยให้ลอยตามสายลมถูกเท ไม่มีประโยชน์แล้วคนที่มีประโยชน์เป็นพวกเผด็จการที่มาเพิ่มเติมเพื่อ ”นายนพรุจ กล่าว

 

ที่มา : บ้านเมือง

 

ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 1 ลำปาง ล่องเรือหาเสียง

9 เมษายน 2566 – ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 1 ลำปาง นำทีมล่องเรือหาเสียงไปตามแม่น้ำวังตั้งแต่เขื่อนยางไปถึงศาลเจ้าแม่สุชาดาระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เขตเทศบาลนครลำปางชูนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ในโครงการเรือท่องเที่ยวแม่น้ำวังสักการะสิ่งศักด์สิทธิ์จังหวัดลำปาง ซึ่งถือเป็นผู้สมัครคนแรกที่ลงพื้นที่หาเสียงทางน้ำ ไม่ห่วงเรื่องที่พรรคถูกนายชูวิทย์ออกมาคัดค้านเรื่องกัญชาเชื่อประชาชนแยกได้ว่าพรรคสนับสนุนกัญชาเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาด้วยสมุนไพรไทยไม่ได้สนับสนุนเรื่องยาเสพติด

 

บรรยากาศการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดลำปาง เริ่มคึกคัก แต่ละพรรคเริ่มวางโปรแกรมลงพื้นที่แนะนำตัวกับประชาชนหลากหลายรูปแบบ และที่คุ้นตาคือรถหาเสียง ป้ายแนะนำตัว การเดินหาเสียงเรียกคะแนนตามตลาดสด และสถานที่สำคัญ แต่เมื่อเย็นวันนี้ นายจินณ์(ชัยยะ) ถาคำฟู ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต1 ลำปาง พร้อมกับทีมงานได้ลงเรือสปีดโบ๊ท หาเสียงทางน้ำเป็นคนแรก โดยได้ชูป้ายหาเสียงพร้อมกับประชาสัมพันธ์แนะนำตัวเองล่องไปตามแม่น้ำวังจากบริเวณเขื่อนยางไปจนถึงศาลเจ้าแม่สุชาดา ระยะทาง 3 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลนครลำปาง โดยชูนโยบายด้านการท่องเที่ยว ตามโครงการเรือท่องเที่ยวแม่น้ำวังสักการะสิ่งศักด์สิทธิ์จังหวัดลำปาง ซึ่งสองฝั่งแม่น้ำวังจะมีศาสนาสถานหลายแห่งซึ่งเป็นสถานที่เคารพของประชาชนและสามารถเดินทางไปทางน้ำได้

 

โดยนายจินณ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาแม่น้ำวังถูกละเลยมาก แต่ปีนี้แม่น้ำวังเริ่มมีปริมาณน้ำในฤดูแล้งหลังเทศบาลนครลำปางทำฝายพับกักเก็บน้ำได้ ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอที่จะส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวทางน้ำได้ ทั้งเรือท่องเที่ยว เรืออาหาร และอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และกระตุ้นด้านเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนและทำด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว หากตนได้เข้ามาทำหน้าที่ก็จะทำโครงการนี้ให้สำเร็จเพื่อพี่น้องชาวลำปางอย่างแน่นอน

 

ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาต่อต้านเรื่องกัญชาของพรรคภูมิใจไทยจะมีผลต่อคะแนนเสียงหรือไม่ นายจินณ์ บอกว่า กัญชาไม่ได้มีโทษอย่างเดียวแต่ที่ผ่านมาทางพรรคสนับสนุนให้ผู้ที่เข้าไม่ถึงกัญชาเพื่อรักษาได้มีโอกาสใช้รักษาตัวเอง ซึ่งตนเองเป็นหนึ่งในนั้นที่เคยปวดข้อเข่าก็ใช้กัญชาในการรักษา และปัจจุบันสามารถขยับและเดินได้ปกติ ซึ่งเรื่องกัญชาประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่ากัญชามีประโยชน์หรือโทษมากกว่า ซึ่งหากมีกฎหมายลูกออกมารองรับก็จะไม่มีปัญหาแต่ที่ผ่านมาพรรคอื่น ๆ เล่นการเมืองกันมากเกินไปจนลืมเรื่องประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับ อยากให้มองเรื่องประโยชน์ของกัญชาในการรักษามากกว่าเป็นเรื่องยาเสพติด

‘จุรินทร์’ นำทีมปราศรัยจังหวัดนครสวรรค์

เมื่อวานนี้ (9 เม.ย. 66) ที่เวทีปราศรัยจังหวัดนครสวรรค์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำคณะ “จุรินทร์ ออนทัวร์ ภาคเหนือ” ประกอบด้วย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต และ นายอรัญ วงศ์อนันต์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ 6 เขต

 

ประกอบด้วย

เขต 1 นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร เบอร์ 9

เขต 2 นายจรูญ ลาโพธิ์ เบอร์ 7

เขต 3 นายมารุต โมราสุต เบอร์ 8

เขต 4 นายไพรัช ฤทธิ์บำรุง เบอร์ 7

เขต 5 นางคณิฏฐ์ษา ทองวงศ์พิทักษ์ เบอร์ 11

เขต 6 นางสาวสิริรักษ์ บัณฑิตศิละศักดิ์ เบอร์ 7

 

ขึ้นเวทีปราศรัย ที่บริเวณสามแยก NSC อำเภอเมือง นครสวรรค์ โดยมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยร่วม 3 หมื่นคน เต็มล้นพื้นที่จนเก้าอี้ที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าปลื้ม ทั้งเสื่อรองนั่ง และอาหารที่เตรียมมาขายหมดเกลี้ยง ทันทีที่นายจุรินทร์ เดินทางถึงบริเวณที่ปราศรัยมีบรรดาแฟนคลับมอบดอกไม้ ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมาก โดยชาวนครสวรรค์ที่มาฟังการปราศรัยในวันนี้ได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องการเลือกประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 พร้อมกับยืนยันว่าจะไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคนทั้งพรรค ในวันที่ 14 พ.ค. นี้อย่างแน่นอน

"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

ไม่บ่อยครั้งนัก "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จะเปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามอย่างชัดเจนจุดยืนทางการเมือง ความคาดหวัง และแนวโน้มทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง14 พ.ค. 66 อย่างตรงไปตรงมาหลายเรื่องระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษสื่อเครือเนชั่น

 

จุดแข็งของพรรคพลังประชารัฐ?

จุดแข็ง คือ พวกที่อยู่ในพรรคมีความรู้ ความสามารถ โดยคณะกรรมการ เป็นคนคัดเลือก และ สรรหาเข้ามาทุกคนมีความรู้ ความสามารถ ในการที่จะบริหารประเทศชาติ แต่ละคนก็มีโปรไฟล์ดีเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพ ทีมเศรษฐกิจทั้ง 5 คน มีที่ยืนด้วยกันทั้งนั้น เพราะต่างคนก็ต่างมีที่มา ยกตัวอย่างนโยบายประชารัฐ ก็เป็นของพรรคพลังประชารัฐที่ทำมาตั้งแต่ต้น นายอุตตม สาวนายน เป็นคนทำ

 

ถ้าได้นั่งนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกที่ทำ?

หากได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำทันที ทุกเรื่องที่ทำให้ประชาชน อยู่ดีกินดีขึ้น ได้รับการแก้ไขปัญหา ที่ประชาชนเดือดร้อนทำทุกเรื่อง

 

ประชุมวันละกี่รอบ?

ประชุมทั้งวัน วันละหลายเรื่อง แต่ยอมรับว่าการเมืองจะหนักหน่อย เพราะมี 400 เขต เขตทับกันก็ต้องตัดสิน เขตทับกันทุกเขต ไม่มีใครยอมใคร ไปถามนักการเมืองมีใครยอมใครไหม

 

ทำไมตัดสินใจลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1?

ผมไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย เพราะลูกพรรคให้ผมลง ผมทำตามมติพรรค เพราะพรรคมีคณะกรรมการสรรหา มติพรรคให้ลงก็ลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มติพรรคออกมาแบบนี้ก้ต้องทำตามมติ

 

มั่นใจไหมว่าจะได้กี่ที่นั่ง?

มั่นใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน ผมว่าไม่น้อยกว่า 70 ที่นั่ง

 

อะไรที่ทำให้มั่นใจ?

แต่ละคนที่มาสมัครมีคุณภาพ ดังนั้น ส.ส. ไม่น้อยกว่า 70 ที่นั่ง จาก ส.ส.แบบแบ่งเขต หรือ รวมแล้วอาจจะเกิน100 โดยประเมินจากการทำโพล หลายช่องทาง มั่นใจได้ยกจังหวัด ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กำแพงเพชร พะเยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสระแก้ว ส่วนกาญจนบุรี คะแนนไว้ที่ 3-5 คน

 

ภาพพลังประชารัฐกับภูมิใจไทย ลงตัวกันแล้วไปไหนไปกัน?

ลงตัวอย่างไรละต้องไปถามอนุทิน (นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย)

 

พลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติ จะจับมือกันไหม?

มีเงื่อนไขเดียว ว่าใครได้ ส.ส. มากกว่าก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

 

การเลือกตั้งปี 62 กับปี 66 แตกต่างกว่ากัน?

การเลือกตั้งปี 66 ยากกว่า ปี 62 เพราะแต่ละพรรคขนาดใหญ่ สู้กันเยอะ

 

เบอร์เกี่ยว?

เรื่องหมายเลขผู้สมัคร ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และ บัญชีรายชื่อ หากชาวบ้านต้องการรู้จริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา พรรคไม่ได้สนใจว่า พรรคการเมืองไหนจะมีกระแสอย่างไร แต่เสียงของรัฐบาล ต้องไม่ต่ำกว่า 251 เสียง ไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย

 

วิตกกังวลกระแสเพื่อไทยกับก้าวไกล หรือไม่ อีสาน กับ เหนือ กระแสดี?

ผมทำพรรคของผมเป็นหลัก ผมจะไปดูพรรคอื่นทำไม พรรคทุกพรรคดูพรรคตัวเองเป็นหลัก คือ ห้ามต่ำกว่า 70 เสียง คนอื่นได้เท่าไหร่ก็เรื่องของเค้า

 

จับมือเพื่อไทยได้?

คนละประเด็น อยากให้คนไทยรักกัน สามัคคีกัน นำพาประเทศไปด้วยกัน มีความคิดช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนทางการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ใครจะคิดอย่างไรว่าไป เป็นเรื่องของสภา

 

สามป.ในทางการเมืองไม่มีแล้ว?

3 ป. (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) หลังเลือกตั้งในทางการเมืองไม่มีแล้ว

 

สุขภาพจะส่งผลต่อสมรภูมิการเมืองลงพื้นที่ไหวหรือไม่?

ส่วนคำถามที่ว่าไหวไหมต้องถามกลับคนถามว่าไหวหรือเปล่า เพราะส่วนตัวเดินมาปีกว่าแล้ว ตรวจราชการครบทั้ง 77 จังหวัด บางจังหวัดไป 2-3 รอบก็มี ผมไม่เห็นมีอะไรมีแต่ขาเท่านั้น

 

ตอนไปจับเบอร์มั่นใจอะไร?

ได้เบอร์ 37 มาสองครั้ง ครั้งแรกจับให้เบอร์ 37 ผมไปจับก็ได้เบอร์ 37 เบอร์สามเจ็ดเป็นเลขที่ดีนะ เพราะเลข 3 บวก 7 รวมกันแล้วได้ 10 เลขสิบเป็นเลขดีทั้งหมด

 

ทำไมไม่อยากขึ้นดีเบต?

ผมไม่ได้เป็นนักโต้วาที ผมว่าไม่ได้ประโยชน์ ไม่เก่งเรื่องนี้

 

ทำไมการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกพลังประชารัฐทำไมต้องเลือกเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี?

ประชาชนชอบพรรคไหนก็เลือกไป ผมอาสารับใช้ประชาชน ประชาชนเห็นว่าผมสมควรเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็เลือกผม ถ้าเห็นว่าผมไม่เหมาะสมก็ไม่ต้องเลือกผม

 

ขอขอบคุณข้อมูล

https://www.posttoday.com/thailand-election-2023/692930


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top