Sunday, 19 May 2024
นอร์ทไทม์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นายการุณ โหสกุล นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เดินทางลงพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมพบป่ะประชาชน

เมื่อเวลา 09.00น. วันที่ 3 มี.ค.ที่วัดสันดอนมูล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นายการุณ โหสกุล นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เดินทางลงพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมพบป่ะประชาชน

 

โดยมีชาวเชียงใหม่ เดินทางมาให้กำลังใจในการลงพื้นที่จำนวนมาก โดยเฉพาะที่วัดสันดอนมูล พร้อมรับชมการแสดงฟ้อนจากกลุ่มสตรี รวมทั้งรับการผูกข้อมือรับขวัญด้วย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวขอบคุณชาวเชียงใหม่ ที่มาให้กำลังใจมอบดอกไม้ ขอถ่ายภาพและสวมกอด

 

ขณะเดียวกันสีชาวบ้านนำหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM2.5 มามอบให้กับคุณหญิงสุดารัตน์ และแกนนำพรรค เพื่อใช้ในการป้องกันตัวเองจากหมอกควันและฝุ่นละอองด้วย โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่

 

ซึ่งวันเดียวกันนี้ วัดค่าฝุ่นละอองได้ที่ระดับ 201 ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็ก คนชรา หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และหลอดเลือด

 

จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ขึ้นปราศรัย โดยมีชาวบ้านจากอำเภอสันป่าตอง อำเภอสารภีร่วมรับฟัง พร้อมฝกล่าวย้ำกับผู้สมัคร ส.ส. ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขอให้ทำงานหนัก เพื่อให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่า พรรคไทยสร้างไทย สามารถทำนโยบายที่ได้ประกาศไว้สำเร็จ เป็นรูปธรรมได้ภายใน 3 ปีหากได้รับโอกาสเป็นรัฐบาล และขอให้ผู้สมัคร ทุกคนต้องสร้างศรัทธาให้กับกับประชาชนให้ได้ว่า เลือกไทยสร้างไทย ประเทศจะเปลี่ยนแปลง เราจะสร้างประเทศที่ดีกว่านี้เพื่อคนรุ่นต่อไป

 

ต้องให้ประชาชนเข้าใจนโยบายของพรรค อย่างนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งพรรคได้เสนอกฎหมายไปรอไว้ในสภาแล้ว เหมือนรถไปจอดรอแล้ว เหลือแค่คนขับ คือผู้สมัครทุกคน ที่จะเข้าสภาไปยกมือให้ กฎหมายฉบับนี้

 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงพันธกิจในการดูแลประชาชนว่า มีตั้งแต่เกิดจนแก่ ผ่านนโยบาย 3 สร้าง คือ สร้างพลังอำนาจให้พี่น้องประชาชน ผ่านการแก้หนี้ เติมทุน สร้างรายได้ ผ่านพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย เช่น ด้าน เกษตร อาหาร ท่องเที่ยว และสุขภาพ, ฐานเทคโนโลยี, และฐานเศรษฐกิจโลกใหม่ เช่น เปลี่ยนเงื่อนไขการลงทุน BOI, ปรับตัวชี้วัด, เขตเศรษฐกิจพิเศษการท่องเที่ยว, และเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเป็นรายได้ สร้างโอกาสและความสุข

 

ด้วยนโยบายบำนาญประชาชน, 30 บาทพลัส, นโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรีตรี และหวยบำเหน็จ เป็นต้น

 

 

โครงการรถไฟเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ สายเหนือ เด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ระยะทางรวม 323.10 กิโลเมตร ปัจจุบันการก่อสร้างงานโยธา 3 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย - งาว ระยะทาง 104 กม. สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 135 กม. และสัญญาที่ 3 ช่วง ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 84 กม. ภาพรวมมีความก้าวหน้าร้อยละ 0.75 เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

 

โดยในสัญญาที่ 2 ได้เริ่มดำเนินงานขุดอุโมงค์ฝั่งเหนือไปแล้วเป็นระยะทางประมาณ 4 เมตร นับเป็นผลงาน 0.15% ในระยะเวลาเริ่มงาน 10 วัน ทั้งฝั่ง up track และ down track ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการขุดครึ่งส่วนบนของหน้าตัดอุโมงค์ (top heading) และติดตั้งระบบค้ำยันดิน (primary support)

 

ทั้งนี้อุโมงค์สัญญา 2 ประกอบด้วย ชั้นดิน และชั้นหิน วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ คาบเกี่ยว 2 จังหวัดคือ ลำปาง และพะเยา เป็นอุโมงค์คู่รางเดี่ยว แบ่งเป็นฝั่ง up track และ down track ความยาว 2,700 เมตร (ทั้งหมด 5,400 เมตร) ภายในอุโมงค์มีทางเชื่อม 2 ประเภทคือ ทางเชื่อมกรณีฉุกเฉินเพื่ออพยพ (cross passage) 11 จุด และทางเชื่อมที่เป็นห้องควบคุมงานระบบ(equipment room) 4 แห่ง

 

อย่างไรก็ตาม นอกจากความก้าวหน้างานด้านโยธาแล้ว ปัจจุบัน รฟท. ยังได้เร่งรัดการดำเนินงานเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้าง ให้โครงการสามารถเสร็จสิ้นได้ตามแผนต่อไป โดยทั้ง 3 สัญญามีพื้นที่ที่ต้องดำเนินงานเวนคืนฯ รวม 8,665 แปลง 12,076 ไร่ แบ่งเป็น ที่ดินมีเอกสารสิทธิ 7,704 แปลง ที่ดิน สปก. 783 แปลง พื้นที่ป่า 13 แปลง อื่นๆ 465 แปลง และสิ่งปลูกสร้าง 5,053 รายการ

 

ขณะนี้ได้เริ่มทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กับชาวบ้านที่ถูกเวนคืนในโครงการฯ แล้ว โดยสัญญาที่ 1 มีความก้าวหน้า ร้อยละ 54 สัญญาที่ 2 มีความก้าวหน้า ร้อยละ 29% และสัญญาที่ 3 มีความก้าวหน้า ร้อยละ 49%

 

สำหรับโครงการรถไฟเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ มีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ มุ่งไปทางทิศเหนือผ่านพื้นที่ 59 ตำบล 17 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และสิ้นสุดที่ด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยปลายทางจะบรรจบกับสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 4 ซึ่งในอนาคตจะถูกพัฒนาไปเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ

 

รูปแบบเส้นทางเป็นทางคู่ใหม่ขนานกันตลอดเส้นทาง มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง มีลานขนถ่ายสินค้าจำนวน 4 แห่ง และย่านกองเก็บและบรรทุกตู้สินค้า 1 แห่งที่สถานีเชียงของ บนพื้นที่ 150 ไร่ พร้อมแนวถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนเชียงของ

 

จุดเด่นที่สำคัญของโครงการนี้คือ เป็นโครงการที่ก่อสร้างโดยไม่มีจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ - รถยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย โดยมีการออกแบบรั้วกั้นเขตตลอดแนวสายทางของ รฟท. และออกแบบสะพานข้ามทางรถไฟ สะพานข้ามถนน และถนนลอดทางรถไฟ ตลอดจนสะพานลอย ทางเท้า และทางรถจักรยานยนต์ข้าม และลอดทางรถไฟ รวม 254 จุดตลอดแนวเส้นทาง และยังมีอุโมงค์คู่ 4 แห่ง ตามแนวเส้นทางที่พาดผ่านพื้นที่ภูเขา รวมระยะทางประมาณ 13.9 กม. และมีอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในไทย 6.2 กม.

 

โดยเป็นสายทางที่คาดการณ์ว่าจะสวยที่สุดของ รฟท. นอกจากนี้ยังมีลานกองเก็บสินค้า CY มากถึง 5 แห่ง

 

 

คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเวทีกล่าวกับพี่น้องชาวเชียงใหม่

วันที่ 3 มี.ค.2566 - ที่ จ.เชียงใหม่ พรรคไทยสร้างไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นายการุณ โหสกุล นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน พร้อมแนะนำว่าที่ผู้สมัครของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 10 เขต โดยมีประชาชนมารอฟังการปราศรัยจำนวนมาก

 

คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเวทีกล่าวกับพี่น้องชาวเชียงใหม่ว่า นับแต่เริ่มทำงานทางการเมืองมากว่า 30 ปี ไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่พี่น้องจะทุกข์ยากแสนสาหัสมากเท่ากับยุคนี้ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก คนหาเช้ากินค่ำ พี่น้องเกษตรกร ถูกละเลยได้มากเท่านี้อีกแล้ว

 

พรรคไทยสร้างไทย ขอเดินหน้าตามอุดมการณ์ สร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อส่งมอบประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับลูกหลาน จึงไม่สนใจที่จะต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองกับใคร และยืนยันที่จะไม่เป็นนั่งร้านให้กับเผด็จการได้กลับมานำพาประเทศไทยให้ถอยหลังลงคลองอีกต่อไป

 

ดังนั้น หากพี่น้องเห็นด้วยกับแนวทางของเรา และเห็นด้วยว่าต้องหยุดการเมือง 2 ขั้วเพราะเลือกฝั่งหนึ่งก็ติดหล่ม เลือกอีกฝั่งก็ติดล็อค จนเปิดทางให้ทหารลากรถถังมายึดอำนาจถึงสองครั้งในรอบ 17 ปี ประชาชนในบ้านเมืองตีกัน เกิดความขัดแย้งไม่จบสิ้น ประเทศเกิดการคอรัปชั่น เกิดการทุจริตอย่างมโหฬาร จนเดินหน้าต่อไม่ได้ ขอให้มาร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย เพื่อร่วมกันสร้างทางออก ทางรอดของประเทศ

 

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของพี่น้องชาวเชียงใหม่และพี่น้องภาคเหนือต้องพบเจอมานานหลายปี ซึ่งเป็นความทุกข์ยากแสนสาหัส นั่นคือปัญหาฝุ่นพิษ โดยเฉพาะค่าอากาศ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน สูงถึง 210 AQI และ PM2.5 สูงถึง 100 ซึ่งถือเป็นตัวเลขเมืองที่มีมลพิษสูงอันดับ 1 ของโลก

 

ปัญหาดังกล่าวจะกลายเป็นสาเหตุที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็งปอดโดยภาวะที่มี PM 2.5 จะทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด ได้มากถึง 1-1.4 เท่า ซึ่งเมื่อ PM 2.5 ลอยเข้าไปในหลอดลมจนถึงปอด

 

พี่น้องประชาชนจะไม่รู้สึกตัวและป้องกันไม่ได้เมื่อเข้าไปภายในปอดแล้ว อาจทำให้เกิดการอักเสบมีการกลายพันธุ์ของ DNA RNA หากร่างกายได้รับสาร PM 2.5 ในปริมาณมากและยาวนานเกินไปก็จะทำให้กลายเป็นมะเร็งปอดได้

 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ดังนั้น พ.ร.บ.อากาศสะอาด จึงเป็นวาระเร่งด่วนที่พรรคไทยสร้างไทย จะผลักดันเป็นกฎหมายฉบับแรกๆเมื่อได้เป็นรัฐบาล นอกจากนี้จะต้องมีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเพื่อไม่ให้ไปเผาตอซังต่างๆ โดยจะใช้เครื่องมือ ที่มหาวิทยาลัยผลิตได้ เก็บตอซังเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งตอซัง เหล่านี้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นวัสดุ Bio Plastic เช่นจาน แก้ว และกระดาษต่างๆ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

นอกจากนี้จะต้องไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้มีการเผา รวมถึงไฟป่าที่ต้องเฝ้าระวังอย่างจริงจัง โดยจัดสรรงบประมาณให้กับภาคประชาชนเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาในการป้องกัน รวมถึงสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันพื้นที่ในตัวเมืองจะต้องสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ให้มากขึ้น

 

ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายและแผนงานเตรียมพร้อมไว้แล้วโดยเฉพาะการนำรถยนต์เก่ามาแลกรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ โดยมีสิทธิพิเศษต่างๆให้มากมาย

 

 

ครอบครัว นำอัฐิ " น้องดอม " สวดอภิธรรมคืนแรก

4 มีนาคม 2566 ที่วิหารพระเจ้าอินทร์สาน วัดพระธาตุดอยเวา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางธนพร  พรหมเทพ และนายบรรพต พรหมเทพ พ่อและแม่ของน้องดอม หรือ นายดวงเทพ พรหมเทพ  1 ในทีม 13 หมูป่า ได้จัดพิธีทางศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับน้องดอม หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมาทาวครอบครัวได้ไปรับอัฐิของน้องดอมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลับมายังบ้านที่ ชุมชนสายลมจอย 

.

โดยในพิธีวันนี้มีการสวดอภิธรรมให้กับน้องดอม โดยมีพระครูประยุตเจติยานุการ เจ้าอาวาสวัดดอยเวา นำสวดโดยมี พ่อและแม่ของน้องดอมเป็นประธาน ซึ่งในวันนี้เป็นคืนแรก มี เพื่อน 12 คน ที่ประสบเหตุติดอยู่ภายในถ้ำหลวงด้วยกัน โค้ชนพ นายนพรันต์ กันทะวงศ์ โค้ชเอก นายเอกพล จันทะวงศ์ นำทีมฟุตบอลเอกพลอะคาเดมี่ ประมาณ 30 คน ญาติ แฟนคลับ ลุงบังกู้ภัย ลุงรักษ์ถ้ำหลวง และคนที่เคยร่วมอยู่ในเหตุการณ์ถ้ำหลวง  มาร่วมในพิธีประมาณ 100 คน

.

โดยการสวดอภิธรรมมีกำหนดการ 2 วันคือ วันที่ 4-5 มีนาคม 2566 และในช่วงบ่ายวันที่ 6 มีนาคม 2566 ทางครอบครัวจะมีการนำอัฐิของน้องดอมไปลอยอังคาร ที่บริเวณแม่น้ำโขง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

ฐานเสียงภาคเหนือกระทบหลายพรรค หลัง กกต. ประกาศแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่

5 มีนาคม 2566 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คำว่า "ราษฎร" ไม่หมายความรวมถึงผู้ไม่ได้สัญชาติไทย (ต่างด้าว) ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ต้องดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากจำนวนราษฎรรวมลดลง เมื่อตัดราษฎรผู้ไม่มีสัญชาติไทยออก เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง 2566

.

เดิมที กกต. คำนวณจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศ นับรวมราษฎรผู้ไม่มีสัญญาชาติไทย 66,090,475 คน เฉลี่ยประมาณ 165,226 คน ต่อจำนวน ส.ส. 1 คน เมื่อไม่นับรวมราษฎรผู้ไม่มีสัญชาติไทย จะเหลือราษฎรทั้งประเทศ  65,106,481 คน เฉลี่ยประมาณ 162,766 คน ต่อ ส.ส. 1 คน ทำให้ 3 จังหวัด มีจำนวน ส.ส. ลดลง ประกอบด้วย

-เชียงราย จะมี ส.ส. 7 คน จากเดิม 8 คน

-เชียงใหม่ จะมี ส.ส. 10 คน จากเดิม 11 คน

-ตาก จะมี ส.ส. 3 คน จากเดิม 4 คน

.

ซึ่งเมื่อนับจำนวน ส.ส. รวม ภาคเหนือจะเหลือ ส.ส. 36 คน จากเดิม 39 คน เมื่อดูจากจำนวน ส.ส. ลดลง-เพิ่มขึ้น ส่งผลในเชิงยุทธศาสตร์อยู่พอสมควร เนื่องจาก เชียงราย เชียงใหม่ เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อชาติ ซึ่งอยู่ในขั้วประชาธิปไตย ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยกวาดเรียบ 9 คน ก่อนจะมาเสียเก้าอี้ให้ “ศรีนวล บุญลือ” จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งซ่อม ก่อนที่ “ศรีนวล” จะย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย ดังนั้นสนามเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

.

เช่นเดียวกับจังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทยกวาดไป 5 คน อดีตพรรคอนาคตใหม่ 2 คน ซึ่งยากที่ “ขั้วรัฐบาล” จะเข้ามาเบียดชิงในพื้นที่ได้ ส่วน จังหวัดตาก ลดลง 1 คน ส่งผลกระทบต่อ “ขั้วรัฐบาล” เนื่องจากปี 2562 พรรคพลังประชารัฐ เข้าวิน 2 คน พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน

.

ทั้งนี้ บทสรุปของการไม่นำ “ต่างด้าว” มาคำนวณค่าเฉลี่ยน ส.ส. เสมือนจะเข้าทาง “ขั้วรัฐบาล” มากกว่า “ขั้วฝ่ายค้าน” ซึ่งเสียเก้าอี้ ส.ส. ในพื้นที่ฐานที่มั่น จึงต้องติดตามว่าจะส่งผลกระทบต่อมากน้อยเพียงใด เพราะ 1 เสียงในสภาฯ ย่อมมีผลต่อการโหวตผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

.

ที่มา : bangkokbiznews

ป้องกันไฟป่าเชียงใหม่ นอภ.ดอยสะเก็ด เปิดงานแนวกันไฟ พร้อมปชช.และ นศ.แม่โจ้ร่วมทำแนวกันไฟ

ประชาชน ผู้นำชุมชนเครือข่ายไฟป่า จิตอาสา และนักศึกษา ม.แม่โจ้ ลงพื้นที่ทำแนวกันไฟ ส่วน นศ.เรียนรู้ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าศึกษานอกห้องเรียนหาแนวทางป้อนกันและแก้ไข นายธนกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานทำแนวกันไฟ ชุมชนดงป่าก่อ หมู่ 2 ต.เชิงดอย

 

โดยทางนายมงคล ชัยวุฒิ นายยกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย นำชาวบ้าน และพี่น้องเครือข่ายไฟป่า พี่น้องจิตอาสา ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เทศบาลในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง และท่านอาจารย์ น้อง ๆ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นผู้ร่วมปฏิบัติงาน ทั้งนี้นักศึกษาได้รับฟังการบรรยายเรื่องปัญหาฝุ่นควันไฟป่า จากนายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย ประกอบการเรียนการสอนนอกห้องเรียน การทำงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา

 

ที่มา เชียงใหม่นิวส์

ร่วมกันสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2566 เวลา 19.00 น. ที่ อุโบสถวัดพระธาตุแช่แห้งพระอารามหลวง ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พระสุนทรมุณี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน ประธานฝ่ายสงฆ์ นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ประธานฝ่ายฆราวาส นำพระภิกษุสงฆ์ – สามเณร และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดน่าน

 

รวมถึงนักท่องเที่ยว เข้าวัดร่วมปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เนื่องในวันมาฆบูชา พร้อมนำพุทธศาสนิกชน ร่วมกันสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และร่วมกันเวียนเทียนรอบพระธาตุแช่แห้ง จำนวน 3 รอบ

 

โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดน่าน รวมถึงนักท่องเที่ยว ร่วมเวียนเทียนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ แห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยน้อมนำหลักธรรมดังกล่าวไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นกิจวัตร และยึดมั่นอยู่ในคุณงามความดี มีเมตตา ขยันหมั่นเพียรที่จะกระทำความดี

 

 

Battery Technology for All

ปตท. ผนึกกำลัง นูออโว พลัส ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All พัฒนาเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ มุ่งสู่ Net Zero

เมื่อไม่นานมานี้ นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All

ซึ่งเป็นการลงนามระหว่าง ดร.ยุทธนา สุวรรณโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สถาบันนวัตกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ กรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด เพื่อร่วมมือกันในการดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่

การผนึกกำลังของ ปตท. และ นูออโว พลัส ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มั่นคงอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินการในโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยมีเจตจำนงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และสนับสนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สอดคล้องตามเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมพลังงานยั่งยืน ที่พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคมในอนาคต
 

ปตท. ติดอันดับมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 500 แบรนด์แรกของโลกที่มีมูลค่าสูงสุดกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก จากการประเมินของ Brand Finance Global บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำศักยภาพการขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ

 

Brand Finance Global ได้ประเมิน ปตท. จากการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจน้ำมัน รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมและฟื้นฟูการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผลของการดำเนินงานที่เด่นชัดดังกล่าว ส่งผลให้เกิดมูลค่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งทัดเทียมแบรนด์ในระดับสากล

 

Mr. Alex Haigh, Managing Director - Asia Pacific of Brand Finance กล่าวว่า อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงไปเป็นการใช้พลังงานทดแทนในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านพลังงานเห็นถึงความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยปรับกลยุทธ์สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานครอบคลุมทุกมิติ บนพื้นฐานของการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

 

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การติดอันดับองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดและเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดของโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของ ปตท. ที่แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ภายใต้วิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต

 

ปตท. พร้อมเป็นพลังสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง โดยมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและการก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน อาทิ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI & Robotics & Digitalization) เป็นต้น

 

 

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ออกเดินสายหาเสียงสนับสนุนผู้สมัครของพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 8 มี.ค. 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ออกเดินสายหาเสียงสนับสนุนผู้สมัครของพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง

 

โดยวันนี้ ได้ร่วมเปิดเวทีรับฟังปัญหาจากประชาชน ที่บ้านสบเมย ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน ร่วมกับนายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และผู้สมัคร ส.ส.ลำพูน พรรคก้าวไกล ทั้ง 2 คน คือ นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก และ นายชัชพีร์ วรรณาพิรัชย์

 

นายธนาธร กล่าวว่า ต.ทาขุนเงิน เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประเด็นปัญหาการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ตนเห็นว่าพรรคก้าวไกลได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ เช่นเดียวกับประเด็นข้อพิพาทที่ดินอื่นๆ

 

เพราะปัญหาที่ดิน เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนนับล้าน และนั่นทำให้พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกล มุ่งมีบทบาทในคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาตลอด

 

นายธนาธร กล่าวว่า จากที่ติดตามการทำงาน เห็นว่าพรรคก้าวไกลได้ไปรับฟังประชาชนผู้ได้รับผลกระทบมาตลอด 4 ปีในหลายพื้นที่ ทำให้พรรคก้าวไกลวันนี้ ได้ข้อสรุปการแก้ไขปัญหาเป็นชุดร่างกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ตามที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้

 

รวมถึงร่างกฎหมายเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด อันเป็นผลมาจากการตกผลึกร่วมกันว่าทางแก้ปัญหาไม่ใช่การออก ส.ป.ก. เพิ่ม แต่คือการทำให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนด แก่ประชาชนที่ควรต้องได้รับสิทธินั้น ในกรณีที่ตามเอกสารยังเป็นชื่อผู้ใช้ประโยชน์เดิมหรือทายาทที่ได้รับสิทธิโดยชอบธรรม และจำกัดไม่ให้เปลี่ยนเกิน 50 ไร่ต่อเจ้าของสิทธิ เพื่อไม่ให้นายทุนฉวยโอกาส

 

นายธนาธร กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ได้รับบทเรียนมาจากการทำงานตลอด 4 ปี คือนโยบายต่างๆ ที่ต้องการผลักดันผ่านสภา หากไม่ผลักดันตั้งแต่ปีแรก ก็มีโอกาสยากมากที่จะผ่าน เพราะวาระการประชุมของสภามีหลายเรื่อง เต็มไปด้วยการยื่นเข้ามาแทรกคิวที่วางลำดับไว้

 

ตนทราบจาก ส.ส. พรรคก้าวไกลว่า ในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคได้เตรียมร่างกฎหมายสำหรับนโยบายของพรรคที่ต้องการผลักดันไว้แล้วราว 40 ฉบับ หลังเปิดประชุมสภา พรรคพร้อมยื่นร่างกฎหมายทั้งหมดเข้าสภาทันที เพื่อให้ทันพิจารณาภายในวาระ 4 ปีของสภา ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

 

โดยมีร่างกฎหมายทั้งเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน การปฏิรูปกองทัพ เอาทหารออกจากการเมือง ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การทำน้ำประปาดื่มได้ในระดับประเทศ การปลดล็อกท้องถิ่น การปฏิรูประบบราชการ เป็นต้น

 

นายธนาธร เห็นว่ากฎหมายแต่ละฉบับจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น ขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนในสภา ว่าจะมีถึง 251 เสียงเป็นอย่างน้อยหรือไม่ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา จากอนาคตใหม่จนถึงก้าวไกล เรายึดมั่นในความเชื่อหนึ่งมาตลอดว่า ประเทศไทยที่ดีกว่านี้เป็นไปได้ และการลงทุนที่ถูกที่สุดคือ การหย่อนบัตรเลือกตั้ง เป็นการลงทุนที่คุ้มที่สุดในการกำหนดอนาคตของประเทศ ถ้าอยากเห็นประเทศไทยในอนาคตแบบเดียวกับที่เราอยากสร้าง ขอให้ใช้สิทธิเสรีภาพให้เป็นประโยชน์ ร่วมสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ไปด้วยกัน

 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top