Monday, 29 April 2024
น่าน

จับสึก!! เจ้าอาวาสอนาจารสามเณรในวัดแจ้ง 2 ข้อหาหนักพร้อมส่งตัวดำเนินคดี

เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.65) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่วัดกู่คำ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ได้นำตัว เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลแหนงแดง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน หลังก่อเหตุอนาจารสามเณรในวัด บังคับสามเณรอมนกเขาเพื่อสำเร็จความใคร่ แล้วหนีออกจากวัดกลางดึกเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 20 ต.ค.65 ไปกบดานบ้านเกิดที่อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่จริม ซึ่งเฝ้าประกบดูความเคลื่อนไหวอยู่แล้วได้ขับรถตามไปห่างๆ ตามรวบตัวนำกลับมาทำการสึก ดำเนินคดีข้อหาหนักกระทำชำเราและกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ (18 ต.ค. 65) นางวัน (นามสมมติ) ได้นำสามเณรชิน (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.แม่จริม ให้จับกุมดำเนินคดี เจ้าเป็นอาวาสวัดดังกล่าว ที่บังคับสามเณรชิน สำเร็จความใคร่โดยการบังคับให้เณรอมนกเขา โดยสามเณรและแม่ได้เล่าว่าเมื่อวันที่ (15 ต.ค. 65) สามเณรชิน ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด หลังได้บวชเรียนที่สำนักเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอภูเพียง และอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน พร้อมสามเณรอีก 3 รูปได้ไปพักอาศัยอยู่ที่กุฏิวัด ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด

จากนั้นสามเณรได้ส่งข้อความมายังโทรศัพท์ให้แม่มาหา และได้เล่าให้ฟังว่า ในคืนวันที่ 15 ต.ค.ต่อเนื่องวันที่ 16 ต.ค. 65 เวลาประมาณ 00.02 น.ขณะที่สามเณรชิน อาศัยอยู่ที่กุฎี ได้เจ้าอาวาสวัดและได้พักอาศัยอยู่ในกุฏิเดียวกันแต่คนละห้องเข้าไปหาและนอนบนที่นอนข้างสามเณรชิน จากนั้นได้บังคับให้สามเณรชิน อมอวัยวะเพศชายของเจ้าอาวาสและได้กอดจูบสามเณรชิน ซึ่งสามเณรชิน ได้ขัดขืนและพยายามร้องให้คนช่วย แต่ถูกข่มขู่จนสำเร็จความใคร่แล้วได้กลับห้องไป

หลังทราบเรื่องนางวัน ได้นำสามเณรชิน ไปแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าคณะอำเภอแม่จริมทราบ จากนั้นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่จริม เมื่อวันที่ 18 ต.ค.65 ที่ผ่านมามาหลังรับแจ้งได้ส่งตัวสามเณรชิน ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแม่จริม พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเฝ้าประกบติดตามระหว่างรวบรวมพยานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ

อธิบดี DSI บูรณาการความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ คืนผืนป่าต้นน้ำน่าน 300 ไร่

วันนี้ (15 ธันวาคม 2565) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานโครงการร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อฟื้นฟูต้นน้ำอย่างมีส่วนร่วม ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา บ้านปางยาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 แพร่ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้จัดการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงลุ่มน้ำน่าน ปลัดอาวุโสอำเภอปัว ร่วมโครงการฯ

สืบเนื่องจากการเกิดปัญหาด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย “ยุติธรรมสร้างสุข” ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2562 เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้นำแนวคิดจากนโยบายดังกล่าว มาพิจารณาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน ด้วยการบูรณาการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานทุกภาคส่วน

DSI ลงพื้นที่สอบการสร้างรีสอร์ทรุกป่า ที่ดิน และลำน้ำสาธารณะในพื้นที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 เวลา 14.00 น. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นายวรพจน์ ไม้หอม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 บูรณาการร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5 (ปปท.เขต 5) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน ฝ่ายปกครองอำเภอบ่อเกลือ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13 สำนักงานที่ดินจังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่าน (กอ.รมน.จว.น่าน) เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรบ่อเกลือ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาแพร่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงพญา และเครือข่ายภาคประชาชนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI Station Nan) ลงพื้นที่บ้านสว้าเหนือ หมู่ที่ 3 ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน

กรณี ประชาชนร้องขอให้ตรวจสอบโดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ บุกรุกเข้าครอบครองที่ป่า บุกรุกที่สาธารณะและเปลี่ยนแปลงเส้นทางลำน้ำว้า การถมที่ดินริมน้ำ ขยายพื้นที่ทับลำน้ำ หวงกันพื้นที่ริมน้ำไว้เป็นของตนเอง จนทำลายแหล่งพันธุ์ปลา ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิม รวมทั้งปิดทางเดินสาธารณะเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนไม่สามารถใช้ลำน้ำได้อย่างปกติ

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ มีการแบ่งพื้นที่ให้เช่าสร้างรีสอร์ท จำนวน 2 แห่ง สร้างโรงเรือนที่พักส่วนตัวและที่พักคนงาน บริเวณก่อสร้างอยู่ใกล้กับฝายชลประทาน ทำให้เสี่ยงต่อการพังทลายในช่วงน้ำหลากอย่างมาก มีการใช้แรงงานต่างด้าวขนหินมาสร้างเนินดิน เพื่อเจตนาให้เป็นที่งอกมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางลำน้ำว้า ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาแพร่

เร่งดับไฟไหม้สายสัญญาณสื่อสารหน้า ธกส.เก่าสามแยก ทางเข้าบ้านนาท่อ จ.น่าน

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 เวลา 18.50 น. พ.ต.ท.สมเกียรติ รวมเงิน พงส.สภ.เมืองน่าน ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน แจ้งว่าได้เกิดเหตุเพลิงไหม้สายสัญญาณโทรศัพท์เสาไฟแรงสูงหน้าธกส.เก่าสามแยกทางเข้าบ้านนาท่อ บริเวณบ้านปางค่าหมู่ 4 ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

จึงรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.ไชยสถาน เทศบาลเมืองน่าน จำนวน 2 คัน กำลังช่วยกันนำสารเคมีดับเพลิงระดมฉีดคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้สายสัญญาณโทรศัพท์ และสายไฟฟ้าเพื่อไม่ให้ลุกลาม อาคาร ธกส.เก่า บ้านเรือนราษฎรและเต็นท์รถมือสอง ที่อยู่ใกล้ ๆ จุดเกิดเหตุเร่งด่วน จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ใช้เวลา เกือบ 30 นาที เนื่องจากการไฟฟ้ายังไม่ตัดกระแสไฟฟ้าแรงสูงให้จึงทำให้ยากในการดับเพลิงในครั้งนี้

ปศุสัตว์จังหวัดน่าน จัดกิจกรรมการผ่าตัดทำหมัน และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Kick Off) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 นายนพดล พินิจ ปศุสัตว์จังหวัดน่าน มอบหมายให้กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ และสำนักงานปศุสัตว์อำเภอเวียงสา ร่วมกับเทศบาลตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา ดำเนินการผ่าตัดทำหมัน ตามโครงการผ่าตัดทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Kick Off) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการ 'สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย' จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ณ หอประชุมประจำหมู่บ้านขึ่ง หมู่ 3 ตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

นักท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาว ชมดอกซากุระเมืองไทย บานสะพรั่งทั้งดอยขุนสถาน จ.น่าน

วันที่ 30 มกราคม 2566 ที่ สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน นักท่องเที่ยวต่างพากันขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ และอากาศหนาวเย็น พร้อมเก็บภาพความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งดอกนางพญาเสือโคร่ง จะมีให้ได้ชมเพียงปีละครั้ง

โดยที่ขณะนี้กำลังเบ่งบาน สีชมพู ละลานตาไปทั่วทั้งดอยขุนสถาน โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวมีทั้งมาแบบคนเดียว และมาแบบเป็นกลุ่มครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อน ซึ่งต่างถ่ายภาพกับความงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่บานสะพรั่งไปทั้งดอยเพื่อเก็บไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำ พร้อมกันนี้นักท่องเที่ยวยังได้จัดเตรียมเต็นท์มากางพักแรมที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถานอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ประจำสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน และอุทยานแห่งชาติขุนสถาน คาดการณ์ว่า ดอกพญาเสือโคร่ง เริ่มเบ่งบานเต็มที่แล้ว คาดว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์ ดอกก็จะร่วงโรย หากนักท่องเที่ยวที่พลาดชมในปีนี้ ก็ต้องรอดอกเบ่งบานให้ได้ชมอีกครั้งในปีหน้า


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top