อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ขึ้นเหนือติดตามโครงการประกวด สุดยอดกาแฟไทย พร้อมหนุนเทคโนโลยีการผลิต ดันกาแฟไทยสู่สากล

(เชียงใหม่) อธิบดีกรมวิชาการเกษตร มาเชียงใหม่ ติดตามโครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทย 2566 เยี่ยมแปลงกาแฟอาราบิกาอินทรีย์ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการตัดแต่งกิ่ง และทำความสะอาดแปลง และแจกชีวภัณฑ์แก่เกษตรกร

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2566 นายระพีภัทร์ จันทร์ศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ลงพื้นที่ภาคเหนือ ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปลูกและพัฒนากาแฟทั้งระบบ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เชื่อมโยงตลาดนำการผลิต นำการวิจัย โดยบรูณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน อาทิ สหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด โครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ฯลฯ พร้อมกับติดตามแปลงปลูกกาแฟอาราบิกาของเกษตรกร นายอานนท์ พวงแสน ณ บ้านปางบง ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเกษตรกรได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2 กาแฟอาราบิกา กระบวนการแปรรูปโดยวิธีกึ่งแห้งในกาแฟประกวดสุดยอดกาแฟไทย ที่จัดขึ้นโดยกรมวิชาการการเกษตร ในปี 2565 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังติดตามแปลงกาแฟอาราบิกาอินทรีย์ และกระบวนการแปรรูปกาแฟอาราบิกาอินทรีย์ ณ The First Valley Coffee Academy บ้านแม่ตอนหลวง ต.เทพเสด็จ จ.เชียงใหม่ ของ นายเอก สุวรรณโณ กรรมการการประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 และผู้เชี่ยวชาญการแปรรูปกาแฟ ที่ใช้หลักตลาดนำการผลิต จนได้รับรองมาตรฐาน USDA Organic ผลผลิตไม่พอต่อความต้องการของตลาด

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อว่า เนื่องจากกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทส่งเสริมองค์ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตกาแฟอาราบิกาคุณภาพ เช่น การปลูกและการดูแลรักษา การจัดการปุ๋ยและน้ำ การขยายเชื้อราบิวเวอร์เรีย สายพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตร (DOA-B18) เพื่อป้องกันกำจัดมอดเจาะผลกาแฟอัตรา 400 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ของสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ร่วมกับการตัดแต่งกิ่ง การทำความสะอาดแปลง ทั้งนี้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรได้แจกเชื้อราบิวเวอร์เรียและอุปกรณ์ให้เกษตรกร นายก อบต. และกลุ่มสหกรณ์ด้วย

นายระพีภัทร์ กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้กรมวิชาการเกษตรยังสนับสนุนต้นกล้ากาแฟอาราบิกาพันธุ์เชียงใหม่ 80 ซึ่งมีลักษณะต้นเตี้ย ข้อสั้น ให้ผลผลิตต่อไร่สูง คุณภาพดี กลิ่นหอม และกาแฟอาราบิกาพันธุ์เชียงราย 1 และ 2 ที่มีลักษณะเด่นคือ ต้านทานต่อโรคราสนิมสูงทนทานต่อโรคและแมลงมากขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่ เกษตรกรได้รับความรู้ สร้างอาชีพ มีรายได้ และสามารถต่อยอดองค์ความรู้ที่ได้รับจากกรมวิชาการเกษตร พัฒนากาแฟให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ตามนโยบาย นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สั่งด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตร กระดับการนำเข้าพืชและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบการนำเข้าเมล็ดกาแฟ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตของเกษตรกรภายในประเทศ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้กรมวิชาการเกษตร ยังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรม การประกวดสุดยอดกาแฟไทย ในปี 2566 (Thai Coffee Excellent 2023) ภายใต้แนวคิด “การผลิตอย่างยั่งยืน (Sustainable Coffee Production) กาแฟดูแลป่า รักษาต้นน้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ” เพื่อประชาสัมพันธ์กาแฟไทย สร้างการรับรู้ จุดเด่นกาแฟไทย ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับประเทศและระดับสากล และพัฒนาองค์ความรู้ เพิ่มทักษะผู้ประกอบการกาแฟ ในการยกระดับมาตรฐานคุณภาพ และเพิ่มมูลค่าของกาแฟไทย รวมทั้งยังเพิ่มการบริโภคและสร้างมูลค่ากาแฟที่ปลูกในประเทศไทยด้วย

ผู้ที่สนใจส่งเมล็ดกาแฟเข้าร่วมประกวดสามารถสอบถามรายละเอียดการสมัครประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2566 เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doa.go.th หรือ Facebook: ThaiCoffeeExcellence สถาบันวิจัยพืชสวน โทรศัพท์ 0-2940-5484 ต่อ 117 และศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5311-4133 ต่อ 131

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/north/2624811