Monday, 29 April 2024
NEWS

ปปส.ภาค​ 6​ สร้างการรับรู้เกี่ยวกับ​ประมวลกฏหมาย​ยาเสพติด​ ในกลุ่มนักสื่อสาร​มวลชนภาคเหนือตอน​ล่าง

เมื่อวันที่​ 20​ ธันวาคม​ 2565​ ที่โรงแรม​ดิอิมพีเรียล​ ภูแก้ว​ ฮิลล์​รีสอร์ท​ อำเภอเขาค้อ​ จังหวัดเพชรบูรณ์​ นายสราวุธ​ ภักดี​ ผอ.ปปส.ภาค​ 6​ เป็นประธานเปิดโครงการ​สร้างการรับรู้​เกี่ยวกับประมวลกฏหมายยาเสพติด ​ในกลุ่มนักสื่อสารมวลชนพื้นที่ภาคเหนือ​ตอน​ล่าง​ ประจำปีงบประมาณ​ 2566​ ระหว่างวันที่​ 20-21​ธันวาคม​ 2565​ โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ​ สำนักงาน​ประชาสัมพันธ์​จังหวัด,​ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย, เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการ​ป้องกันแก้ไขปัญ​หายาเสพติดใ​นพื้นที่ภาคเหนือ​ตอน​ล่าง​ 9​ จังหวัด​ ประกอบด้วย​ จังหวัดพิษณุโลก,​ เพชรบูรณ์,​ ตาก,​ กำแพงเพชร,​ พิจิตร,​ นครสวรรค์,​ อุทัยธานี ​และสุโขทัยเข้าร่วม

ตามนโยบายของ​รัฐบาล​ ที่ได้ให้ความสำคัญ​เรื่องการลดปัญหา​การแพร่ระบาดของยาเสพติด ​ซึ่งเป็นนโยบาย​เร่งด่วนของรัฐบาล​ ที่จะต้องดำเนินการ​เชิงรุกเพื่อ​สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด​อย่างจริงจัง​ ดังนั้น​ สำนักงาน​ ปปส.ภาค​ 6​ จึงได้จัดโครงการ​สร้างการรับรู้​ในกลุ่มนักสื่อสารมวลชนในพื้นที่​ เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวทางการประชาสัมพันธ์​ เจตนารมณ์​ หลักการ​และสาระสำคัญ​ของประมวลกฏหมายยาเสพติด ​ในการเผยแพร่ข้อมูล​ข่าวสารในการป้องกัน​และแก้ไขยาเสพติด​ได้อย่างถูกต้อง​

'พุทธิพงษ์-นุสบา' ร่วมลงนามถวายพระพร 'เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ' ทรงหายจากพระอาการประชวร

(19 ธ.ค.65) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนางนุสบา ปุณณกันต์ ภริยา ร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน ณ ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระรามที่ 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระราชกระแส ซาบซึ้งพระราชหฤทัยและทรงขอบใจ ทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ถวายการรักษา ‘เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ’

(19 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์รูปภาพหนังสือจากหน่วยราชการในพระองค์ 904 และข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาดังนี้

"พิธีเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแก่บุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ถวายการรักษา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลปากช่องนานา นับเป็นสิริมงคลและเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกคนขอน้อมตั้งจิตอธิษฐานให้พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงหายจากพระอาการประชวร และกลับมามีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็วที่สุด"

รัฐบาล ย้ำเตือน ปชช. ยังควรสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันฝุ่น PM 2.5 แม้อากาศอยู่ในเกณฑ์ดี

วันที่ 19 ธ.ค.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ รายงานถึงสถานการณ์คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ในระยะนี้อยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก ซึ่งรวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ได้ลดลงไม่เกินค่ามาตรฐาน เนื่องด้วยอัตราการระบายอากาศที่ดี ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงเข้าช่วย

โดยเตือนให้ประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเฝ้าระวังสถานการณ์ PM 2.5 เนื่องจากขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยา ยังคงพยากรณ์สภาพอากาศที่ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทย บางช่วงเวลาที่อากาศนิ่งไม่มีลมจะทำให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงขึ้น โดยต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละอองที่จะกลับมาเพิ่มอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 ธ.ค. 65 เป็นต้นไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงสภาพอากาศยังคงเปลี่ยนแปลงนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตือนประชาชนให้ดูแลแลสุขภาพจากทั้งสภาพอากาศหนาวและภาวะฝุ่น PM 2.5 โดยมีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด เป็นต้น

คนไทยช้ำ!! ค่าไฟแพงต้อนรับปีใหม่ ก้าวไกล จี้ รัฐต้องเร่งแก้ไข

วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่รัฐสภา วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีค่าไฟแพง หลังจากรัฐบาลมีมติขึ้นค่าไฟ โดยให้คงค่าไฟเฉพาะครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ส่วนผู้ใช้ไฟกลุ่มอื่นรวมถึงประชาชนที่ใช้ไฟเกิน 500 หน่วย/เดือน จะต้องเจอค่าไฟที่แพงขึ้น 1 บาท/หน่วย จากเดิม 4.72 บาท/หน่วย เพิ่มเป็น 5.7 บาท/หน่วย เริ่มต้นเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป

วรภพ กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ของคนไทยไม่ควรเป็นค่าไฟที่แพงขึ้น ตนเคยท้วงติงรัฐบาลหลายครั้ง ว่าต้นตอเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยมี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นที่หนึ่ง มีโรงไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น เพราะรัฐบาลอนุญาตให้เอกชนสร้างโรงไฟฟ้ามากเกินไป ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟให้กลุ่มทุนเหล่านี้ผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 2,400 ล้านบาท/เดือน ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งเจรจากับเอกชน ให้ลดค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment) โดยอาจแลกกับการขยายสัญญาออกไป ทำให้ในอนาคตไม่จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงในการเจรจาเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน

วรภพกล่าวว่า ประเด็นที่สอง คือการเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติ เพราะปัจจุบันรัฐบาลอนุญาตให้กลุ่มทุนพลังงานเอาก๊าซราคาถูกไปขายเป็นกำไรของกลุ่มทุนตัวเอง โดยก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย หากแปลงเป็นค่าไฟฟ้า มีต้นทุนเพียง 2 บาท/หน่วย และปัจจุบันมีการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย 2,600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าใช้ในประเทศ แต่รัฐบาลกลับอนุญาตให้กลุ่มทุน ปตท. นำก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกนี้ ไปขายให้อุตสาหกรรมเป็นเชื้อเพลิงและขายให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเครือก่อนถูกนำมาใช้เป็นพลังงานให้ประชาชน

ลมหนาวมาแล้วนะ! นายกฯ ห่วง ปชช. แนะดูแลสุขภาพ เตรียมรับมืออากาศหนาว 17-20 ธ.ค.

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งหลายพื้นที่มีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิลดลง หลังกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศ ระบุว่า ในช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค.นี้ บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส บริเวณพื้นราบอุณหภูมิต่ำสุด 10-18 องศาเซลเซียส

ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-10 องศาเซลเซียส สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

เคาะขึ้นค่าไฟภาคเอกชน ส่วนครัวเรือนยังตรึงไว้ 4.72 บาทต่อหน่วย

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ. เห็นชอบการคำนวณค่า Ft ประจำเดือนมกราคม – เมษายน 2566 โดยคิดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่อัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้เมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย

ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น คิดที่อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 5.69 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 21%

อธิบดี DSI บูรณาการความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ คืนผืนป่าต้นน้ำน่าน 300 ไร่

วันนี้ (15 ธันวาคม 2565) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานโครงการร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อฟื้นฟูต้นน้ำอย่างมีส่วนร่วม ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา บ้านปางยาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 แพร่ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้จัดการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงลุ่มน้ำน่าน ปลัดอาวุโสอำเภอปัว ร่วมโครงการฯ

สืบเนื่องจากการเกิดปัญหาด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย “ยุติธรรมสร้างสุข” ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2562 เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้นำแนวคิดจากนโยบายดังกล่าว มาพิจารณาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน ด้วยการบูรณาการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานทุกภาคส่วน

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. ขอเชิญร่วมการอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 285 ชั่วโมง (เรียนฟรี)

ผศ.ดร.ธานี  แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า คณะฯ ได้รับทุนอุดหนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการดำเนินการโครงการพัฒนาอาชีพการดูแลผู้สูงอายุของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ เป้าหมายเพื่อส่งเสริมสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเยาวชนนอกระบบการศึกษารวมทั้งแรงงานนอกระบบให้ได้รับการพัฒนาทักษะอาชีพการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้มีศักยภาพที่จะพึ่งพาตนเองในการดำรงชีวิตได้ การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุให้กับเยาวชนนอกระบบการศึกษาและแรงงานนอกระบบ เป็นการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ใหม่ที่เพิ่มโอกาสทางการศึกษา รวมทั้งการพัฒนาทักษะอาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนช่วยพัฒนาทักษะชีวิต

นอกจากทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีอาชีพที่ได้รับเงินเป็นการตอบแทนในอนาคต จากครอบครัวผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงที่มีกำลังทรัพย์ในการจ้างดูแลเป็นการเฉพาะราย หรือในการเป็นผู้ดูแลของศูนย์ผู้สูงอายุ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้และทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันทั้งแก่ตนเองและครอบครัวได้อีกด้วย

หลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 285 ชั่วโมง ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดการอบรมระหว่างวันที่ 16 มกราคม-24 มีนาคม 2566

เชียงใหม่-ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ประชันไอเดีย นวัตกรรมการออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ปัญหา มลภาวะเป็นพิษ PM2.5 ในงาน “HYFIVE DESIGN AWARD 2022”

ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จัดงาน HYFIVE DESIGN AWARD 2022 ขึ้นระหว่างวันที่ 8-14 ธันวาคม 2565 ณ โกดังราชวงศ์ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรม CSR โครงการแรกของบริษัทฯ ที่มุ่งหวังการ มีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อปรับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเชียงใหม่จากมลภาวะเป็นพิษ PM 2.5 ภายในงานมีพิธีมอบรางวัลผู้ชนะการออกแบบอาคารและการจัดแสดงผลงานของผู้ชนะการประกวด “นวัตกรรมการออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในจังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน” ที่สะท้อนการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 70,000 บาท

นางสาวพีรญา วงศรานุชิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ “เนื่องจากบริษัทฯ ตระหนักในปัญหามลภาวะ เป็นพิษ PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนเชียงใหม่ ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งใจให้งานนี้เป็นการเปิด โอกาสให้กับนักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจและมีความถนัดด้านการออกแบบได้ประชันฝีมือ เป็นที่มา ของงาน HYFIVE DESIGN AWARD 2022 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมเข้าแข่งขันส่งผลงานเข้ามากว่า 37 ผลงานจากทั่วประเทศ”

ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ สร้างสรรค์โลกดิจิทัล ไปกับกิจกรรม DIGITAL YOUTH NETWORK THAILAND เยาวชนอาสาดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ HACKaTHAILAND 2023 : DIGITAL INFINITY

กิจกรรมที่จะช่วยส่งต่อแนวคิด Digital Literacy เสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำเยาวชนในโลกดิจิทัล ในหลักสูตร DIGITAL YOUTH NETWORK THAILAND เยาวชนอาสาดิจิทัล

โดยหลักสูตรในรอบ DIGITAL TRAINER มีวิทยากรที่มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ แชร์ประสบการณ์ พร้อมเสริมสร้างทักษะในการปรับตัวบนโลกดิจิทัล อาทิ Introduction to Digital Youth Network, Digital Skill and Knowledge, 21st-Century Opportunity, Youth Leader New Gen และอื่น ๆ อีกมายมาย

✏️เปิดรับสมัคร วันนี้ – 10 ธันวาคม 2565
คลิกไปที่ https://forms.gle/g555mMnpTtRYXiic8
?ประกาศผลวันที่ 12 ธันวาคม 2565 (เพียง 50 คน เท่านั้น!)

โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องเข้ารับการอบรมเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 22-24 ธันวาคม 2565

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทีมงาน SEED Thailand 0958158305

"เชียงราย" จัดยิ่งใหญ่!! งาน "มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 8 ประจำปี 2565"

เมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน "มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 8 ประจำปี 2565" เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าทั้ง 10 ชาติพันธุ์ โดยมีนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาชนให้การต้อนรับภายในงานในครั้งนี้

อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ที่มีประชากรอยู่ร่วมกันอย่างหลากหลายชาติพันธุ์ นอกจากคนพื้นเมืองล้านนาแล้ว ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ ไทลือ ไทเขิน ไทยวน ไตหย่า จีนยูนนาน อาข่า ลาหู่ ดาราอ้าง และชาติพันธุ์ลัวะ ซึ่งความหลากหลายชาติพันธุ์เช่นนี้ ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าทางการท่องเที่ยว เป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ไปเยือนแม่สายตลอดทั้งปี แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์มีความหลากหลายทางวัฒธรรม มีภาษา มีอัตลักษณ์ มีประเพณีและวิธีชีวิตที่แตกต่างกันไป ผู้ที่มาร่วมงานจะได้ชมการจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการละเล่นการแสดงต่าง ๆ ของทั้ง 10 ชาติพันธุ์

คนพิการเตรียมเฮ!! จุรินทร์ เคาะแก้ระเบียบบอร์ด “อำนวยความสะดวก-เข้าถึงสิทธิ เพิ่มจำนวนผู้ดูแล”

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชิวิตคนพิการแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.65 ซึ่งมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีการพิจารณาแก้ไขระเบียบ กพช. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการ และเพิ่มการคุ้มครองสิทธิคนพิการที่ไม่มีผู้ดูแลและสิทธิของผู้ดูแลคนพิการ โดยที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ได้สั่งการให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พิจารณาการลดขั้นตอนในการเข้าถึงสิทธิการขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ และการสนับสนุนการทำงานของผู้ดูแลคนพิการ

ทั้งนี้ กพช.ได้เห็นชอบให้มีการแก้ไขระเบียบ โดยมีสาระสำคัญ อาทิ
1. เพิ่มช่องทางการยื่นคำขอการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย การขอคุ้มครองสิทธิ โดยสามารถแจ้งต่ออาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ประธานชุมชนองค์กรเอกชน หรือหน่วยบริการในพื้นที่ และสามารถยื่นคำขอหรือทำการแจ้งผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ทำให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิได้มากขึ้นและสะดวกกว่าเดิมอย่างมาก
2. เพิ่มหน่วยงานในการฝึกอบรมผู้ช่วยคนพิการ โดยได้รับอุดหนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้ช่วยคนพิการมากขึ้น สอดรับความต้องการที่จำเป็นของคนพิการ
3. ผู้ช่วยคนพิการสามารถปฏิบัติงานเป็นรายชั่วโมงหรือรายวันตามความต้องการของคนพิการ เพื่อให้ผู้ช่วยคนพิการสามารถดูแลคนพิการตามความต้องการของคนพิการอย่างถูกต้อง

ประกันสังคม เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 ที่ประสงค์เปลี่ยน รพ.ในปี 66 เตรียมยื่นเรื่องผ่าน 4 ช่องทาง เริ่มตั้งแต่ 16 ธ.ค.นี้

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า สำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถแจ้งขอเปลี่ยนสถานพยาบาล ประจำปี ด้วยเหตุจำเป็นไม่ได้รับความสะดวกในการไปรับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลที่เลือกไว้ ก่อนหน้านี้ เช่น ย้ายที่พักอาศัย ย้ายสถานที่ประจำทำงาน สามารถเริ่มเปลี่ยนสถานพยาบาลได้ ในวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566

โดยสามารถเลือกเปลี่ยนสถานพยาบาลได้ใน 4 ช่องทางคือ ยื่นแบบการเลือกสถานพยาบาลในการรับบริการทางการแพทย์ สปส. 9-02 ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือทำรายการผ่านเว็บไซด์ www.sso.go.th หรือทำรายการผ่าน Application SSO Connect และทำรายการผ่าน Line official sso โดยเพิ่มเพื่อน @ssothai (กรณีการเปลี่ยนสถานพยาบาลผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นแล้ว ไม่จำเป็นต้องยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคมอีก)

กระทรวงศึกษาฯ ประกาศนโยบายการเรียนประวัติศาสตร์แนวใหม่ เน้นทันสมัย-น่าสนใจ

วันที่ 6 ธ.ค. 65 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดนิทรรศการ 'การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์' โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ร่วมชมนิทรรศการ ซึ่งนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ประกาศนโยบายและจุดเน้นเรื่องการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม ให้มีความทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ซึ่งจัดนิทรรศการในวันนี้ ศธ.ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ใน 4 ส่วน ดังนี้

ส่วนแรก วิชาประวัติศาสตร์ประกาศความเป็นไทย ปรับโครงสร้างเวลาเรียนรายวิชาพื้นฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยได้จัดทำร่างประกาศ ศธ.เรื่อง การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ โครงสร้าง 8+1 เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งในมิติของการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้


© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top